• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง นับว่าเป็นต้นกำลังที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมในขณะนี้ ^^

Started by www.SeoNo1.co.th, Sep 15, 2025, 03:51 PM

Previous topic - Next topic

www.SeoNo1.co.th

 มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงถือเป็นต้นกำลังที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมในขณะนี้



คุณลักษณะเด่นสำคัญๆของมอเตอร์ชนิดนี้คือสามารถปรับความเร็วได้ตั้งแต่ระดับที่ค่อนข้างต่ำสุดไปจนสูงสุดโดยมักใช้กับระบบอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น โรงงานทอผ้า, โรงงานผลาญโลหะ, โรงงานเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ดังนี้ก่อนที่จะไปทำการใช้งานมอเตอร์กระแสไฟฟ้าประเภทนี้ พวกเราควรต้องรู้จักกับเครื่องมือต่างๆรวมทั้งลักษณะการทำงานให้ถูกหลักด้วยเพื่อจะได้เลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง

องค์ประกอบของ มอเตอร์ไฟฟ้า กระแสไฟตรง

1. เฟรมหรือโยค (Frame or Yoke) : เป็นโครงภายนอกเปรียบ  มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ฟุตบาทของแม่เหล็กจากขั้วเหนือไปขั้วใต้ ช่วยยึดองค์ประกอบอื่นๆให้แข็งแรง

2. ขั้วแม่เหล็ก : จะมี 2 ส่วน คือแกนขั้วแม่เหล็กกับขดลวดสนามไฟฟ้า

3. ตัวหมุน (Rotor) : จะก่อให้เกิดกำลัง ลักษณะมีแกนวางอยู่ตรงลูกปืน ประกอบไปด้วย 4 ส่วนสำคัญๆคือ แกนเพลา, แกนเหล็กอเมเจอร์, คอมมิวเตเตอร์ รวมทั้งขดลวดอเมเจอร์

4. แปรงถ่าน : ทำจากคาร์บอนทรงสี่เหลียมผืนผ้า จำต้องสัมผัสกับซีคอมไม่วเตเตอร์ตลอดเวลาเพื่อรับกระแสไฟฟ้าพร้อมส่งระหว่างขดลวดอเมเจอร์กับวงจรไฟฟ้าภายนอก

ลักษณะการทำงานพื้นฐานของ มอเตอร์ไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง

พอแรงดันกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังมอเตอร์ ส่วนหนึ่งส่วนใดจะเข้าแปรงถ่านผ่านคอมไม่วเตเตอร์ต่อเข้าไปยังขดลวดอเมเจอร์เพื่อสร้างสนามไฟฟ้าขึ้นมา ช่วงเวลาที่ไฟฟ้าอีกส่วนจะไหลไปยังขดลวดสนามแม่เหล็ก มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง เกิดเป็นขั้วเหนือ-ขั้วใต้ นำมาซึ่งการก่อให้เกิดสนามไฟฟ้า 2 สนาม โดยคุณลักษณะของแม่เหล็กทิศทางตรงข้ามจะลบล้างกัน ส่วนแนวทางเดียวกันเสริมแรงกันกำเนิดเป็นแรงบิดในตัวอเมเจอร์หมุนได้เรียกว่าตัวหมุนหรือ Rotor ด้วยแม่เหล็กทั้งคู่ที่เกิดปฏิกิริยาต่อกัน ทำให้การหมุนดังที่ได้กล่าวมาแล้วเกิดขึ้น เพื่อทำให้มอเตอร์ไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสตรง สามารถใช้งานได้นั่นเอง

มอเตอร์ไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส

เป็นมอเตอร์ยอดนิยมมากมายในหมู่โรงงานอุตสาหกรรม ใช้กับระบบไฟฟ้ากระแสสลับ การใช้งานรากฐานเป็นเปลี่ยนแปลงกำลังไฟฟ้าให้แปลงเป็นพลังงานกล ส่วนที่ทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าคือขดลวดในสเตเตอร์ เมื่อได้รับกำลังไฟฟ้าก็จะสร้างสนามไฟฟ้าขึ้น แล้วก็จะไปทำให้มีการเกิดการเหนี่ยวนำของกระแสไฟฟ้าขึ้นในขดลวดของโรเตอร์ หรือ เรียกว่าตัวหมุน ซึ่งคือส่วนที่ทำหน้าที่ให้พลังงานกลนั่นเอง จึงทำให้มีการเรียกมอเตอร์ไฟกระแสสลับว่ามอเตอร์เหนี่ยวนำ

สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 จำพวกคือ

1. มอเตอร์กระแสไฟฟ้า กระแสสลับแบบอินดักชั่น หรือ เหนี่ยวนำ– จะมีความเร็วพร้อมรอบคงที่ เนื่องมาจากขึ้นกับความถี่ของต้นตอกระแสไฟฟ้า องค์ประกอบไม่ค่อยสลับซับซ้อน ราคาไม่แพง บำรุงรักษาง่ายด้วยเหตุว่าไม่มีคอมไม่วเตเตอร์กับแปรงถ่านราวกับมอเตอร์กระแสตรง เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องควบคุมความเร็วอินเวอร์เตอร์ก็จะสามารถคุมความเร็วได้ตั้งแต่0 ถึง ความเร็วสูงสุดของมอเตอร์
ภายในประกอบไปด้วยโรเตอร์, ขดลวดสนามไฟฟ้า,  มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง โครงมอเตอร์, ขั้วต่อสาย, ฝาครอบหัว, ฝาครอบท้าย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดสำคัญๆอาทิเช่น อินดิกชั่นมอเตอร์แบบทรงกระรอกกับอินดิกชั่นมอเตอร์แบบขดลวด การใช้แรงงานขึ้นกับความเหมาะสมของเครื่องจักร

2. มอเตอร์ไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับแบบสิงวัวรนัส– จะเป็นมอเตอร์ขนาดใหญ่ขนาดกะแสไฟฟ้าตั้งแต่ 150 KW ไปจนกระทั่ง 15 MW ระดับความเร็วตั้งแต่ 150 – 1,800 RPM มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วนเป็น

- สเตเตอร์ (Stator) จะเป็นราวกับแบบอินดักชั่น มีร่องพันขดลวด 3 ชุด เฟสละ 1 ชุด พอจ่ายกระแสสลับ 3 เฟสให้สเตเตอร์จะเกิดสนามไฟฟ้าหมุนขึ้นมา
- โรเตอร์ (Rotor) ลักษณะเป็นขั้วแม่เหล็กยื่น ขดลวดพันข้างๆขั้วแม่เหล็กที่ยื่นออกมาโดยจะพันยื่นต่อกับแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าไฟฟ้ากระแสตรงด้านนอกไม่ก็สร้างขั้วแม่เหล็กตรงโรเจอร์ เมื่อมีการจ่ายไฟฟ้ามายังสเตเตอร์จะเกิดเป็นสนามไฟฟ้าหมุนความเร็วพอๆกับความเร็วของสนามแม่เหล็ก  มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ตรงสเตเตอร์นั่นเอง

คลิ๊กอ่านรายละเอียดได้ตามนี้ >> https://fms.co.th/ชวนทำความรู้จักกับมอเต/