แอลกอฮอล์คือปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของตับแข็ง แต่หลายคนอาจสงสัย ทำไมบางคนที่ดื่มเหล้าหนักแทบทุกวันกลับดูเหมือนไม่มีปัญหาตับเลย? เรื่องนี้มีหลายเหตุผลประกอบกันดังนี้
(http://www.rophekathailand.com/wp-content/uploads/2025/04/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2.png)
1. ยีนของแต่ละคนส่งผลโดยตรง
- พันธุกรรมของแต่ละคนส่งผลต่อความสามารถในการเผาผลาญแอลกอฮอล์
- ผู้ที่ร่างกายจัดการพิษได้ไว อาจสลายพิษจากแอลกอฮอล์ได้เร็วกว่าคนทั่วไป
2. บางคนมีการฟื้นฟูตับได้ดีกว่า
- ร่างกายของบางคนมีระบบซ่อมแซมและสร้างเซลล์ตับใหม่ได้ดีกว่าคนอื่น
- แม้จะมีการทำลายจากแอลกอฮอล์ แต่ร่างกายก็เยียวยาได้ทัน ทำให้อาการไม่รุนแรงหรือยังไม่แสดงออกชัดเจน
3. โภชนาการส่งผลต่อสุขภาพตับ
- บางคนที่แม้บริโภคแอลกอฮอล์ต่อเนื่อง แต่ยังเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีน วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยปกป้องตับบางส่วนจากผลกระทบของแอลกอฮอล์
4. ระยะเวลาและปริมาณที่แท้จริง
- ดูภายนอกเหมือนดื่มจัด แต่บางคนอาจไม่ได้ดื่มในปริมาณที่มากพอจะทำลายตับอย่างรวดเร็ว
- หรือเพิ่งดื่มหนักมาไม่นาน ยังไม่ถึงเวลาที่ตับจะเสียหายจนแสดงอาการออกมา
5. ตับแข็ง (https://www.rophekathailand.com/post/l/hepheka/cirrhosis)ไม่แสดงอาการในช่วงแรก
- ตับมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะสาย
- อาจเกิดพังผืดในตับแต่ยังไม่มีอาการให้เห็น คนที่ดูเหมือนไม่มีปัญหา อาจจริง ๆ แล้วมีค่าตับผิดปกติแต่ไม่เคยตรวจ
แม้บางคนจะโชคดีดูเหมือนไม่เป็นตับแข็งจากการดื่มเหล้า แต่ไม่ได้แปลว่าปลอดภัย การดื่มหนักต่อเนื่อง ยังคงเพิ่มความเสี่ยงโรคร้าย ทั้งมะเร็งตับในระยะยาว ทางที่ดีที่สุดคือตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ เพราะตับไม่สามารถฟื้นกลับได้เต็ม 100% หากเสื่อมไปแล้ว